ข้อควรรู้และความสำคัญในการติดตั้งป้ายสัญลักษณ์ความปลอดภัยให้ถูกตามข้อกำหนดครับ
“เส้นทางการหนีไฟ” มักจะเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงเสมอเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้เรามักจได้ยินข่าวว่าประตูทางเข้าทางหนีไฟไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เมื่อเข้าไปแล้วมีสิ่งของวากีดขวาง มีแสงสว่างไม่เพียงพอ และเมื่อหนีไฟตามบันไดหนีไฟไปถึงพื้นราบแล้ว ปรากฏว่าประตูไม่สามารถเปิดออกได้ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดขึ้นเป็นประจำ ดังนั้นการจัดให้มีบันไดหนีไฟและเส้นทางหนีไฟ ภายในพื้นที่ป้องกันเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากจำเป็นในการอพยพคนออกจากพื้นที่ในขณะเกิดเพลิงไหม้ โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญดังต่อไปนี้คือ
1 บันไดหนีไฟ
ก. บันไดหนีไฟ จะต้องมีไม่น้อยกว่า 2 ชุด ภายในแต่ละชั้นของอาคาร โดยบันไดหนีไฟจะต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 60 เมตร
ข. ประตูและผนังที่ปิดล้อมบันไดหนีไฟจะต้องสามารถทนไฟได้ไม่น้อยกว่า2 ชั่วโมง
ค. ภายในบันไดหนีไฟจะต้องมีการติดตั้งไฟส่องสว่างฉุกเฉิน เพื่อให้ส่องสว่างชั้นบันไดทำให้อพยพคนได้อย่างรวดเร็ว
ง. ต้องจัดให้มีป้ายแสดงรายละเอียดในการหนีไฟภายในบันไดหนีไฟทุกชั้นทุกบันไดหนีไฟ โดยรายละเอียดในป้ายนั้นจะต้องระบุชื่อชั้น ชื่อบันได และชื่อชั้นที่เป็นทางออกของบันไดหนีไฟ
จ. รายจับภายในบันไดหนีไฟควรจะต้องมีทั้ง 2 ด้าน และรายจับควรมีรูปร่างและขนาดที่มือสามารถยึดจับได้พอเหมาะ
ฉ. ภายในช่องบันไดหนีไฟจะต้องไม่มีการวางหรือเก็บของ ซึ่งทำให้การอพยพคนล่าช้าหรือได้รับอันตรายระหว่างการใช้บันไดหนีไฟ
2 ระยะทางของเส้นทางการหนีไฟ
เส้นทางการหนีไฟจะต้องมีระยะเส้นทางที่วัดตามแนวการเดิน โดยมีระยะห่างของวัตถุหรือสิ่งกีดขวางอย่างน้อย 300 มิลลิเมตร จากตัวอย่างภาพที่ 1 แสดงแนวเส้นทางการหนีไฟทั้งสองแบบซึ่งมีระยะทางระยะทางการหนีไฟในการหนีไฟที่แตกต่างกัน
ภาพที่ 1 แสดงการวัดระยะทางในการหนีไฟ
ที่มา: NFPA 101 Life Safety Code (2003)
ระยะทางในการหนีไฟของแบบ ก มีความยาวกว่าแบบ ข เนื่องจากบันไดหนีไฟไม่มีการปิดล้อมโดยระยะทางการหนีไฟแบบ ก จะวัดระยะจากจุดที่ 1-2-3-4-5-6 ซึ่งรวม ระยะจากบันไดหนีไฟถึงประตูหนีไฟไปนอกอาคารด้วย ส่วนระยะทางการหนีไฟแบบ ข วัดจากระยะจุดที่ 1-2-3-4-5 เท่านั้น สำหรับระยะทางการหนีไฟ ในพื้นที่การใช้ต่างๆ กันจะมีระยะทางที่แตกต่างกัน ดังรายละเอียดในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ระยะจำกัดของเส้นทางการหนีไฟของพื้นที่แต่ละประเภท
ประเภทการใช้งานในพื้นที่ |
ระยะจำกัดของเส้นทางการหนีไฟ (เมตร) |
|
ไม่มีหัวกระจายน้ำดับเพลิง |
มีหัวกระจายน้ำดับเพลิง |
|
อาคารชุมนุมชน ใหม่ เก่า |
45 45 |
76 76 |
สำนักงาน ใหม่ เก่า |
60 60 |
91 91 |
โรงงานอุตสาหกรรม ทั่วไป เฉพาะ อันตรายสูง |
60 91 0 |
75 122 23 |
คลังเก็บสินค้า อันตรายต่ำ อันตรายปานกลาง อันตรายสูง |
ไม่จำกัด 60 23 |
ไม่จำกัด 122 30 |
ที่มา: NFPA 101 Life Safety Code (2003)
โดยคำนิยามของการแบ่งประเภทพื้นที่การใช้งานในตารางที่ 6 มีรายละเอียดดังนี้ คือ
1) อาคารชุมนุมชนและสำนักงาน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คืออาคารเก่าที่มีอยู่เดิม และอาคารใหม่ที่กำลังก่อสร้าง
2) โรงงานอุตสาหกรรม สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 3 ประเภท คือ
2.1 โรงงานทั่วไป คือ เป็นโรงงานที่มีวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการการผลิตและผลิตภัณฑ์ ที่ติดไฟหรือไม่ติดไฟ และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจะไม่ลุกลามอย่างรวดเร็ว
2.2 โรงงานเฉพาะ คือโรงงานที่มีวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการการผลิตและผลิตภัณฑ์ ที่ติดไฟได้และไม่ติดไฟ และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจะลุกลามในระดับปานกลาง โดยโรงงานประเภทนี้ ปกติจะมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่น้อย แต่มีเครื่องจักรกลเป็นจำนวนมากและทำการควบคุมการทำงานโดยระบบควบคุมอัตโนมัติ
2.3 โรงงานที่อันตรายสูง คือ โรงงานที่มีวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ติดไฟและไวไฟ และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถเกิดการระเบิดได้
3) คลังเก็บสินค้า สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 3 ประเภท คือ
3.1 ประเภทอันตรายต่ำ คือ สินค้าที่จัดเก็บไม่ติดไฟ หรือเมื่อมีเพลิงไหม้เกิดขึ้นไฟจะไม่ลุกลามอย่างรวดเร็ว
3.2 ประเภทอันตรายปานกลาง คือ สินค้าที่จัดเก็บติดไฟได้แต่เมื่อติดไฟแล้วจะมีการลุกลามในระดับปานกลาง
3.3 ประเภทอันตรายสูง คือ สินค้าที่จัดเก็บมีความสามารถในการติดไฟและระเบิดได้ เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้วจะทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดข้างต้นนี้ เป็นหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ที่ต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด แต่สำหรับผู้ใช้อาคารแล้วการที่แน่ใจว่าทางหนีไฟที่ถูกจัดสร้างขึ้นนั้น คงต้องใช้วิธีสังเกตเป็นหลัก ซึ่งมีหลักง่ายๆ คือ
1.บันไดหนีไฟทุกตัวจะต้องมีคุณสมบัติ คือ มีอัตราการทนไฟของประตูไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ในจุดนี้เราจะเห็นว่าอาคารเกือบทั้งหมดจะใช้ประตูเหล็ก
2.อุปกรณ์ประตู จะต้องเป็นแบบผลักเท่านั้น
3.ราวบันไดก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
นอกจากนี้ก็ต้องมีป้ายบอกทางหนีไฟ มีป้ายบอกชั้น มีระบบอัดอากาศ กรณีเป็นบันไดหนีไฟที่อยู่ภายในตัวอาคาร
อีกปัญหาหนึ่งของทางหนีไฟในอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ เกิดจากการที่ผู้ออกแบบไม่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้งานของบันไดหนีไฟ ที่ต้องใช้งานได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ส่วนใหญ่จะออกแบบตามที่กฎหมายควบคุมอาคารกำหนดไว้เท่านั้น เป็นการออกแบบโดยการตีความตามกฎหมาย โดยไม่พิจารณาจุดประสงค์ของการใช้งานบันไดหนีไฟ จึงพบว่า มีบันไดหนีไฟและบันไดที่ไม่มีการปิดล้อม บันไดไม่ได้ขนาด การเปิดประตูขวางการหนีไฟ ไม่มีการป้องกันควันเข้าสู่บันได ประตูหนีไฟไม่ได้มาตรฐาน อย่างกรณีเหตุเพลิงไหม้ในหลายๆ โรงแรม จะพบว่าบันไดหนีไฟ กลางเป็นปล่องไฟ และเป็นช่องทางให้ควันไฟและความร้อนขึ้นสู่ชั้นต่างๆ ของอาคารได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ จากการสำรวจของกรุงเทพมหานคร และเทศบาลในจังหวัดต่างๆ พบว่า ยังมีอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ที่ไม่ปลอดภัยอยู่นับพันหลัง และยังพบว่าเกือบทั้งหมด มีบันไดและบันไดหนีไฟที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งอาคารเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่า และสร้างก่อนกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (2535) จะบังคับ จึงไม่ได้มาตรฐานและยากต่อการแก้ไขปรับปรุงให้ปลอดภัย
การป้องกันอัคคีภัยแบบเชิงรับที่ได้กล่าวมาขั้นต้นนี้ เมื่ออาคารบ้านเรือนรวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้มีการจัดการการป้องกันอัคคีภัยแบบเชิงรับเป็นอย่างดี ถ้าหากเกิดเหตุการณ์อัคคีภัยขึ้นมาจะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ไฟและควันไฟลุกลามออกไปยังพื้นที่หรือห้องใกล้เคียงทำให้ไฟอยู่ภายในพื้นที่ที่จำกัดและเมื่อเชื้อเพลิงที่อยู่ภายในพื้นที่นั้นหมดลงไฟก็จะดับ สามารถลดความสูญเสียที่จะเกิดจากเหตุการณ์เลวร้ายทางด้านอัคคีภัยได้อย่างมากเลยทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลดีดีมีประโยชน์ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ
หน้าที่เข้าชม | 1,369,821 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 884,502 ครั้ง |
เปิดร้าน | 15 พ.ย. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |